อำเภออู่ทอง
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง)
รูปภาพที่ 38 ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง
ร่วมกับจังหวัดสุพรรณบุรี ได้กำหนดจัดงานท่องเที่ยวขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว
ภายในจังหวัดสุพรรณบุรี และเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งได้มีกำหนดการจัดงาน
ดังนี้ ปฏิทินท่องเที่ยวหลักของศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง ปี 2559
1 - 31 มกราคม 2559
งานเทศกาลไม้ดอกเมืองหนาว ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะ
เลี้ยง) จ. สุพรรณบุรี หรือ “สวนสวรรค์สุพรรณบุรี” ได้กำหนดงานจัดในวัน
ที่ 16 ธันวาคม 2556 ถึง 31 ธันวาคม ภายในงานพบกับไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวหลากหลายสีสัน
และหลากหลายสายพันธุ์ เช่น ลิลลี่ แกลดิโอลัส (ดอกคำมั่นสัญญา) พิทูเนีย แพงพวย กุหลาบนางฟ้า
บีโกเนีย หน้าวัวสายพันธุ์ต่างประเทศ และเลือกชิมลูกสตรอเบอรี่สดๆ จากสวนสวรรค์สุพรรณบุรีที่
แรกและที่เดียวในภาคกลางที่ปลูกสตรอเบอรี่ได้สำเร็จ นอกจากนี้ภายในงานยังพบกับ การออกร้าน
ของดีเมืองสุพรรณบุรี สินค้า OTOP ของชุมชน พรรณไม้ราคาถูกจากสวนเกษตรกรให้นักท่องเที่ยวได้
เลือกซื้อกลับไปปลูกกันอีกด้วย
รูปภาพที่ 40 ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง
1-28 กุมภาพันธ์ 2559
งานกุมภาสัญญารัก ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง)
จ.สุพรรณบุรี เริ่มจัดงานในวันที่ 1-14 กุมภาพันธ์ บริเวณงานพบกับสวนกุหลาบสายพันธุ์ วาเลนไทน์
จัดรูปแบบสวนสไตล์แวร์ซายน์ (รูปทรงเรขาคณิต) ออกดอกสีแดงชูช่อบานสะพรั่งเพื่อต้อนรับกับ
เทศกาลวันแห่งความรัก และในวันที่ 14 กุมภาพันธุ์ ยังได้มีการจัดพิธีมงคลสมรสหมู่ จดทะเบียนสมรส
หมู่ ณ บริเวณสวนกุหลาบสวนสไตล์แวร์ซายน์ ภายในงานยังพบกับ การออกร้านของดีเมือง
สุพรรณบุรี สินค้า OTOP ของชุมชน พรรณไม้ราคาถูกจากสวนเกษตรกรให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ
เลือกชมอีกด้วย
1 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2559
1- 30 มิถุนายน 2559
คำว่า “สวนสวรรค์สุพรรณบุรี” คือสมญานามที่นักท่องเที่ยวตั้งให้ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ
การเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) คือชื่ออย่างเป็นทางการ เป็นหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่ส่งเสริมการ
เพราะปลูกของเกษตรกร โดยการขยายพันธุ์ต้นกล้าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในโรงเรือน ด้วยการใช้
เนื้อเยื่อ และแจกจ่ายหรือจำหน่ายให้เกษตรกร และเป็นศูนย์ฝึกอบรมให้ความรู้ กับผู้ที่สนใจ และ
ศึกษาค้นคว้าพันธุ์พืชใหม่ๆ สถานที่น่าสนใจภายในศูนย์ ทิวทัศน์โดยรอบจะประดับด้วยพรรณไม้ต่างๆ
ทั้งไม้ดอก ไม้ใบ ไม้ผล มีห้องอาหารที่ตกแต่งไว้สวยงาม ด้านหลังมีสระน้ำ ที่ประดับด้วยบัววิกตอเรีย
โรงเรือนเพาะพันธุ์ต้นกล้าพันธุ์ไม้จากเนื้อเยื้อ โรงเรือนขนาดใหญ่ สำหรับจำหน่ายต้นไม้ ทั้งไม้ดอก ไม้
ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ถึงปลายเดือนโดยจะบานสะพรั่งสวยงามที่สุดราวๆ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุก
ปี
ที่ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะท่านที่รักต้นไม้ก็ไม่น่าจะพลาดชม
รอยพระพุทธบาทวัดเขาดีสลัก
รูปภาพที่ 41 วัดเขาดีสลัก
บนเทือกเขาในเขตอำเภออู่ทอง มีวัดวัดหนึ่งเป็นวัดที่สวยงามสงบเงียบ และรายล้อมด้วย
ธรรมชาติ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าเยี่ยมชม ในความเป็นธรรมชาติ มีสิ่งก่อสร้างในความเชื่อทางศาสนา
ที่มีอายุนับพันปี ที่งดงามทั้งรูปแบบ มากด้วยคุณค่ามีเรื่องราวที่น่าศึกษาค้นคว้าความเป็นมา ของ
ประวัติศาสตร์ที่ยังคงปริศนา
สถานที่ตั้ง ถึงแม้จะอยู่แยกห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองสุพรรณ แต่ความสวยงามก็
คุ้มค่ากับการเดินทาง รอยพระพุทธบาทวัดเขาดีสลัก เป็นรอยพระพุทธบาทจำลองสร้างด้วยหินทราย
แดง มีลักษณะแตกต่างจากรอยพระพุทธบาทที่พบตามที่อื่นๆ คือ เป็นรอยพระพุทธบาทนูนต่ำ ขนาด
กว้างประมาณ 65.5 ซม. ยาว 141.5 ซม. นักโบราณคดีให้ความเห็นแตกต่างกันไป บางท่านว่า
เป็น ศิลปะสมัยทวาราวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-16 บางท่านว่า แม้รูปแบบลวดลายจะ
คล้ายกับศิลปะสมัยทวาราวดี แต่ก็มีรูปแบบอื่นเข้ามาปะปน ซึ่งอาจเป็นผลงานที่สร้างในสมัยอยุธยา
ราวพุทธศวรรษที่ 19-23 ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม นั้นเป็นการสันนิษฐานจากข้อมูลเบื้องต้น ที่ต้องหา
หลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมถึงกำเนิดที่แท้จริงของงานพุทธศิลปะชิ้นนี้ และนอกจากนี้ที่วัดเขาดีสลักแห่ง
นี้ ยังขุดค้นพบโพรงหินภายในมีพระพุทธรูปและโบราณวัตถุต่าง ๆ อีกหลายชนิด
กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ และสร้างมณฑปทรงไทยสวยงามครอบไว้ มีการดูแลโดย
รอบบริเวณอย่างดี มีถนนราดยางขึ้นสู่มณฑปบนยอดเขา มองเห็นทุ่งโล่งกว้าง และทิวเขาสลับสับ
ซ้อนของอำเภออู่ทอง และสร้างระฆัง 72 ใบ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ
รอบ 72พรรษา ผู้สนใจประวัติศาสตร์และโบราณคดีน่าไปศึกษาอย่างยิ่ง
รูปภาพที่ 42 วัดเขาดีสลัก
สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค
รูปภาพที่ 43 สวนหินธรรมชาติพุหางนาค
" มรดกทางธรรมชาติชิ้นเอกของเมืองสุพรรณ ที่ควรค่าแก่การปกปักษ์รักษาไว้ " ความงดงาม
ของสวนหินธรรมชาติดึกดำบรรพ์อายุนับหมื่นล้านปี สวนป่าไม้โบราณอายุนับ 1000 ปี และปริศนา
แห่งศาสนสถาน เมืองโบราณอู่ทอง เป็นสถานที่ที่น่าสนใจแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เต็มไปด้วย
ความงดงามทางธรรมชาติ สวนหินที่งดงามตามจินตนาการ ด้วยรูปทรงที่หลากหลาย และริ้วรอยที่
สรรสร้างโดยธรรมชาติ ดั่งผลงานชิ้นยอดของศิลปินชั้นเยี่ยม ความงามที่แฝงไว้ซึ่งปริศนา ให้ผู้ที่สนใจ
เรื่องราวของอารยธรรมโบราณ ร่องรอยที่ปรากฏเป็นปริศนาให้เราต้องค้นหากันต่อไป
ป่าปรง พันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์อายุนับ 1000 ปี ความงามอันเป็นที่หมายปองของใครหลายคนที่เห็น
คุณค่า แต่ขาดจิตสำนึก ... หากไม่มีความร่วมมือช่วยกันดูแลรักษา ความงดงามที่มากด้วยคุณค่า คง
หมดไปจากป่านี้ เป็นความอัศจรรย์ของป่าใกล้เมืองที่ยังหลงเหลือพันธุ์ไม้โบราณมากมายให้เราได้
ชื่นชม จันผา ไม้อนุรักษ์ ที่คนชอบลักลอบตัดไปขาย จันผาที่นี่มีมากมาย แต่ละต้นสูงใหญ่ นั้น หมาย
ถึงอายุและมูลค่าของไม้ชนิดนี้ และความงดงามของสีสันสดสวยด้วยสีสันดอกไม้ป่า ที่จะเบ่งบานตาม
ธรรมชาติ สีเหลืองของ ดอกสลัดไดอายุหลายร้อยปี ที่จะงดงามในช่วงออกพรรษาของทุกปี
หลังลมหนาวส่งลา ใบไม้ป่าร่วงหล่น เหลือเพียงกิ่งก้านยืนต้น เพื่อพลิดอกสีเหลืองอันน่ายล
ของไม้งามนาม สุพรรณนิกา และพุดป่าสีขาวบริสุทธิ
ปัจจุบัน สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค ได้เปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ภายใต้การดูแลของ
วนอุทยานพุม่วงโดยความร่วมมือกับชาวชุมชนในพื้นที่ จัดเส้นทางพาชมความงดงาม และเรียนรู้
ธรรมชาติของสวนหินแห่งนี้ เพื่อเป็นเกราะป้องกันการบุกทำลายและหาประโยชน์ จากทรัพยากรณ์อัน
ทรงคุณค่า โดยหวังให้นักเดินทางท่องเที่ยวที่มีจิตสำนึกในธรรมชาติ จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการ
ปกป้องป่าแห่งนี้ ภาพหลุ่มที่เกิดจากการลอบขุดต้นปรง ภาพต้นจันผาที่เหลือเพียงตอขนาดใหญ่ บ่ง
บอกถึงอนาคตของไม้โบราณเหล่านี้ หากเราไม่ช่วยกันดูแล
พุหางนาค เป็นชื่อยอดเขาลูกหนึ่งบนทิวเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีหลายยอดในชื่อต่างๆกัน (เช่น เขารางกะ
ปิด, เขาพระ, เขาทำเทียม, เขาถ้ำเสือ) ของทิวเขาด้านหลัง (หรือด้านตะวันตก) เมืองอู่ทอง อ. อู่ทอง
จ. สุพรรณบุรี ชื่อเขาพุหางนาค หมายถึง ยอดเขาที่มีน้ำผุดขึ้นจากใต้ดิน แล้วไหลคดเคี้ยวเป็นแนว
ยาวคล้ายหางพญานาคลงตีนเขา พุ แปลว่า ผุดขึ้น, แตกขึ้น แล้วเรียกน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินด้วยแรง
ดันธรรมชาติภายในว่าน้ำพุ
น้ำพุน้ำผุดที่ไหลคดเคี้ยวจากบนเขาลงตีนเขาแล้วไหลผ่านช่องเขาลงสู่ที่ราบระหว่างเขาพระทางเหนือ
กับเขาทำเทียมทางใต้ กลายเป็นทางน้ำใหญ่เรียก ห้วยหางนาค(ห้วย หมายถึงทางน้ำไหล เป็นแนว
ยาวจากภูเขา) ห้วยหางนาค ไหลจากช่องเขาศักดิ์สิทธิ์ด้านตะวันตก ลงที่ราบเชิงเขาลาดเอียงสู่ด้าน
ตะวันออก แล้วเข้าคูเมืองอู่ทอง หล่อเลี้ยงผู้คนในเมือง ก่อนไหลลงแม่น้ำจระเข้สามพันไปออกแม่น้ำท่า
จีน บนยอดเขาพุหางนาคอันศักดิ์สิทธิ์ อ. ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ นักวิชาการอิสระ สำรวจพบหินตั้ง
เนื่องในศาสนาผี ราว2,000 ปีมาแล้ว โดยใช้งานต่อเนื่องในศาสนาพุทธยุคทวารวดี ราว 1,500 ปีมา
แล้ว
น้ำที่ผุดจากเขาพุหางนาค แล้วไหลเป็นห้วยหางนาคลงสู่ที่ราบจึงเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หมายความ
ว่าสองฝั่งห้วยหางนาคก็เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วย คนยุคทวารวดีเมื่อรับศาสนาพุทธจึงสร้างพุทธสถาน
เป็นสถูปเจดีย์, วิหาร, และอื่นๆไว้สองฝั่งห้วย นักโบราณคดีกรมศิลปากรจึงขุดพบธรรมจักรสลักบน
หิน พร้อมเสาแปดเหลี่ยมกับแท่นรองรับธรรมจักร สัญลักษณ์พุทธศาสนายุคพระเจ้าอโศก บนฝั่งห้วย
หางนาค ห้วยหางนาค ยุคทวารวดีเป็นทางน้ำกว้างใหญ่ มีน้ำไหลแรงตลอดปี เพราะมีธรรมชาติอุดม
สมบูรณ์กักเก็บน้ำไว้บนเขาพุหางนาค จึงไม่ขาดน้ำ แต่ยุคปัจจุบันไม่มีน้ำไหล แม้น้ำขังก็หายากมากๆ
ยิ่งถึงหน้าแล้งไม่มีน้ำสักหยด อ่างเก็บน้ำเขาพระที่ลงทุนสร้างไว้หวังจะกักเก็บน้ำไว้ใช้ในตัวอำเภอ จึง
ไม่มีน้ำให้เก็บกัก ก็เหลือแต่ซากสันอ่างไว้เป็นอนุสรณ์สถาน วัฒนธรรมมีชีวิต แต่คนนั่นแหละมีส่วน
ทำลายให้วัฒนธรรมไร้ชีวิต ทางการไม่ว่าส่วนกลาง, ส่วนภูมิภาค, หรือส่วนท้องถิ่น ถ้ารักจะทำเมือง
อู่ทองเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ต้องห้ามสร้างอาคารสถานที่บริเวณสองฝั่งห้วยหางนาคนี้ แล้ว
หาวิธีกักเก็บน้ำไว้ในห้วยให้ได้
รูปภาพที่ 44 สวนหินธรรมชาติพุหางนาค
ขอขอบคุณ
http://www.suphan.biz/GradenCenter.htm
http://www.suphan.biz/WatDeesalak.htm
http://www.suphan.biz/puhangnak.htm
https://www.youtube.com/watch?v=1DNKjjqNkvg
https://www.youtube.com/watch?v=i93hxgm6vAE
https://www.youtube.com/watch?v=dQWzIiTgOVs
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น