วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประวัติอำเภอสองพี่น้อง

ประวัติอำเภอสองพี่น้อง

รูปภาพที่ 14 อำเภอสองพี่น้อง

          สองพี่น้อง ได้ชื่อมาจากลำน้ำยุคโบราณ ในภาคกลางของประเทศไทย คือลำน้ำสองพี่น้องที่

ไหลผ่าน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำที่ไหลต่อมาจากลำน้ำทวน จ.กาญจนบุรี แล้วไหลไปลงแม่น้ำ


ท่าจีน ที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ก่อนที่จะไหลลงแม่น้ำท่าจีนนี้แหละที่ลำน้ำสายนี้ได้ แยกออก


เป็นสองสาย เปรียบเสมือนพี่น้อง” กันนั่นเอง ที่จังหวัดสุพรรณบุรีมีคลองอยู่คลองหนึ่ง เรียก


ว่า คลองสองพี่น้องปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอสองพี่น้อง เรื่องนี้มีนิทานเล่ากันมาแต่โบราณ


ว่า....อดีตอำเภอสองพี่น้องมีสภาพพื้นที่ที่เป็นป่าเป็นดงพงไม้หนาแน่นได้มีช้างโขลงหนึ่งมีช้างใหญ่ ๒ 


เชือกพี่น้องเป็นนายโขลงได้พาโขลงช้างเดินกันมากินน้ำในลำน้ำท่าจีนอยู่เสมอ จนทางเดินกลายเป็น


คลอง จึงเรียกคลองนั้นว่า"คลองสองพี่น้อง"หรืออีกนัยหนึ่งมีพี่น้องสองคนได้แข่งขันกันสร้างวัดซึ่ง


ปัจจุบันเรียกว่า"วัดท่าจัด" อยู่ที่ตำบลบางพลับและอีกวัดหนึ่ง คือ"วัดโคกเหล็ก" ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดร้าง


ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดท่าจัดและอีกนัยหนึ่งเล่าว่า..สมัยหนึ่ง มีชายสองคนพี่น้องอาศัยอยู่ที่คลองนี้ ทั้ง


สองมีอาชีพทำไร่ทำสวน ฐานะค่อนข้างมีอันจะกิน และรูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ เป็นที่หมาย


ปองของสาวในบ้านเดียวกัน แต่ชายหนุ่มทั้งสองหาสนใจไม่ ต่อมาไม่นานทั้งสองได้ข่าวว่ามีสาวงาม


สองคนอยู่ในตำบลท้องที่อำเภอบางปลาม้า หญิงทั้งสองนี้สวยงามมาก ชายทั้งสองพี่น้องจึงคิดต้องการ


นางมาเป็นคู่ครองทั้งสองคน ต่อมาสองพี่น้องได้จัดเถ้าแก่ไปสู่ขอ พ่อแม่ฝ่ายหญิงเมื่อได้ฟังคุณสมบัติ


ของฝ่ายชายก็ไม่รังเกียจ และเห็นว่าลูกสาวของตนอายุสมควรที่จะมีคู่ครองได้แล้วจึงตอบตกลง เมื่อ


มาสู่ขอลูกสาวของฉันไปตกไปแต่งทั้งที ก็ขอให้สมกับหน้าตา ฐานะหน่อยหนึ่งจะได้ไหม” พ่อขอฝ่าย


หญิงกล่าวกับเถ้าแก่ ฝ่ายหญิงต้องการให้จัดขบวนขันหมากลงเรือสำเภาให้ใหญ่โต จะได้เป็นที่เชิด


หน้าชูตาของชาวบ้านแถวนี้


ครั้นถึงวันกำหนดนัด ฝ่ายชายก็จัดเครื่องขันหมากและเครื่องใช้ในการแต่งงานลงเรือสำเภา มีมโหรี

ปี่พาทย์ครบครัน เมื่อได้ฤกษ์ขบวนขันหมากพร้อมทั้งเจ้าบ่าวทั้งสอง ก็เริ่มเคลื่อนที่จากคลอง


สองพี่น้องออกไปทางแม่น้ำสุพรรณขึ้นไปทางเหนือมุ่งหน้าไปบ้านเจ้าสาว ขณะที่เรื่อแล่นไป นักดนตรี


ก็เล่นดนตรีดังไปตลอดทาง จนถึงตำบลหนึ่ง เมื่อนักดนตรีเปลี่ยนเพลงมาเล่นซอ ชาวบ้านจึงเรียกที่


แห่งนี้ว่า บางซอ” เพราะนักดนตรีไปเล่นซอที่นั่น เมื่อแล่นไปอีกไม่นานเสียงดนตรีก็ยิ่งดังครึกครื้น 


สนุกสนาน ผู้คนในเรือก็ร้องรำกันไม่ได้หยุดที่แห่งนี้จึงเรียกว่า บ้านสนุก


เมื่อเรือขบวนขันหมากเลยบ้านสีสนุกไปได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์อย่างไม่คาดคิดขึ้น คือ เรือสำเภา

ที่บรรทุกทั้งคนทั้งเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับงานแต่งานได้เกิดอุบัติเหตุอับปางล่มลง คนที่มากับขบวน


ขันหมาก และสิ่งของเครื่องใช้จมหายไปในน้ำหมด ดังนั้น ตรงที่เรือสำเภาล่มนั้นปัจจุบันจึงเรียก


ว่า สำเภาทลายส่วนเจ้าบ่าวสองพี่น้องจมน้ำตายทั้งคู่ ฝ่ายเจ้าสาวทั้งสองสมกับเป็นเจ้าสาวรอ


ขบวนขันหมากด้วยใจระทึก ต่างคนก็คิดถึงเจ้าบ่าวของตนเองว่าหน้าตาหล่อเหลาแค่ไหน แต่เมื่อมี


คนมาส่งข่าวว่าขบวนเรือขันหมากของสองพี่น้องล่มลงกลางแม่น้ำเสียแล้ว และเจ้าบ่าวของเธอก็จม


น้ำตายด้วย หญิงทั้งสองเสียใจมาก เธอร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกบ้าน


ทีหญิงทั้งสองอยู่ว่า บ้านแม่หม้าย” ซึ่งปัจจุบันก็ขึ้นอยู่กับอำเภอบางปลาม้า จังหวัด


สุพรรณบุรี สองพี่น้อง ชื่อที่มักถูกนำไปทายปัญหาเชาวน์อยู่เสมอว่าตำบลอะไรที่มี ประชากรน้อย


ที่สุดในประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้วตำบลสองพี่น้องคือศูนย์กลางการค้า เศรษฐกิจ และความ


เจริญที่สำคัญที่สุดของอำเภอสองพี่น้องมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของที่ว่าการ


อำเภอ โรงเรียน ตลาด ธนาคาร และร้านค้าทุกประเภท เป็นตำบลที่มีความสำคัญ และเป็นศูนย์กลาง


ของความเจริญทุก ๆ ด้านของอำเภอสองพี่น้อ




ขอขอบคุณ
https://th.wikipedia.org/wiki/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น