ประวัติอำเภอสองพี่น้อง
สองพี่น้อง ได้ชื่อมาจากลำน้ำยุคโบราณ ในภาคกลางของประเทศไทย คือลำน้ำสองพี่น้องที่
ไหลผ่าน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำที่ไหลต่อมาจากลำน้ำทวน จ.กาญจนบุรี แล้วไหลไปลงแม่น้ำ
ท่าจีน ที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ก่อนที่จะไหลลงแม่น้ำท่าจีนนี้แหละที่ลำน้ำสายนี้ได้ “แยกออก
เป็นสองสาย เปรียบเสมือนพี่น้อง” กันนั่นเอง ที่จังหวัดสุพรรณบุรีมีคลองอยู่คลองหนึ่ง เรียก
ว่า “คลองสองพี่น้อง”ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอสองพี่น้อง เรื่องนี้มีนิทานเล่ากันมาแต่โบราณ
ว่า....อดีตอำเภอสองพี่น้องมีสภาพพื้นที่ที่เป็นป่าเป็นดงพงไม้หนาแน่นได้มีช้างโขลงหนึ่งมีช้างใหญ่ ๒
เชือกพี่น้องเป็นนายโขลงได้พาโขลงช้างเดินกันมากินน้ำในลำน้ำท่าจีนอยู่เสมอ จนทางเดินกลายเป็น
คลอง จึงเรียกคลองนั้นว่า"คลองสองพี่น้อง"หรืออีกนัยหนึ่งมีพี่น้องสองคนได้แข่งขันกันสร้างวัดซึ่ง
ปัจจุบันเรียกว่า"วัดท่าจัด" อยู่ที่ตำบลบางพลับและอีกวัดหนึ่ง คือ"วัดโคกเหล็ก" ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดร้าง
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดท่าจัดและอีกนัยหนึ่งเล่าว่า..สมัยหนึ่ง มีชายสองคนพี่น้องอาศัยอยู่ที่คลองนี้ ทั้ง
สองมีอาชีพทำไร่ทำสวน ฐานะค่อนข้างมีอันจะกิน และรูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ เป็นที่หมาย
ปองของสาวในบ้านเดียวกัน แต่ชายหนุ่มทั้งสองหาสนใจไม่ ต่อมาไม่นานทั้งสองได้ข่าวว่ามีสาวงาม
สองคนอยู่ในตำบลท้องที่อำเภอบางปลาม้า หญิงทั้งสองนี้สวยงามมาก ชายทั้งสองพี่น้องจึงคิดต้องการ
นางมาเป็นคู่ครองทั้งสองคน ต่อมาสองพี่น้องได้จัดเถ้าแก่ไปสู่ขอ พ่อแม่ฝ่ายหญิงเมื่อได้ฟังคุณสมบัติ
ของฝ่ายชายก็ไม่รังเกียจ และเห็นว่าลูกสาวของตนอายุสมควรที่จะมีคู่ครองได้แล้วจึงตอบตกลง “เมื่อ
มาสู่ขอลูกสาวของฉันไปตกไปแต่งทั้งที ก็ขอให้สมกับหน้าตา ฐานะหน่อยหนึ่งจะได้ไหม” พ่อขอฝ่าย
หญิงกล่าวกับเถ้าแก่ ฝ่ายหญิงต้องการให้จัดขบวนขันหมากลงเรือสำเภาให้ใหญ่โต จะได้เป็นที่เชิด
หน้าชูตาของชาวบ้านแถวนี้
ไหลผ่าน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำที่ไหลต่อมาจากลำน้ำทวน จ.กาญจนบุรี แล้วไหลไปลงแม่น้ำ
ท่าจีน ที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ก่อนที่จะไหลลงแม่น้ำท่าจีนนี้แหละที่ลำน้ำสายนี้ได้ “แยกออก
เป็นสองสาย เปรียบเสมือนพี่น้อง” กันนั่นเอง ที่จังหวัดสุพรรณบุรีมีคลองอยู่คลองหนึ่ง เรียก
ว่า “คลองสองพี่น้อง”ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอสองพี่น้อง เรื่องนี้มีนิทานเล่ากันมาแต่โบราณ
ว่า....อดีตอำเภอสองพี่น้องมีสภาพพื้นที่ที่เป็นป่าเป็นดงพงไม้หนาแน่นได้มีช้างโขลงหนึ่งมีช้างใหญ่ ๒
เชือกพี่น้องเป็นนายโขลงได้พาโขลงช้างเดินกันมากินน้ำในลำน้ำท่าจีนอยู่เสมอ จนทางเดินกลายเป็น
คลอง จึงเรียกคลองนั้นว่า"คลองสองพี่น้อง"หรืออีกนัยหนึ่งมีพี่น้องสองคนได้แข่งขันกันสร้างวัดซึ่ง
ปัจจุบันเรียกว่า"วัดท่าจัด" อยู่ที่ตำบลบางพลับและอีกวัดหนึ่ง คือ"วัดโคกเหล็ก" ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดร้าง
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดท่าจัดและอีกนัยหนึ่งเล่าว่า..สมัยหนึ่ง มีชายสองคนพี่น้องอาศัยอยู่ที่คลองนี้ ทั้ง
สองมีอาชีพทำไร่ทำสวน ฐานะค่อนข้างมีอันจะกิน และรูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ เป็นที่หมาย
ปองของสาวในบ้านเดียวกัน แต่ชายหนุ่มทั้งสองหาสนใจไม่ ต่อมาไม่นานทั้งสองได้ข่าวว่ามีสาวงาม
สองคนอยู่ในตำบลท้องที่อำเภอบางปลาม้า หญิงทั้งสองนี้สวยงามมาก ชายทั้งสองพี่น้องจึงคิดต้องการ
นางมาเป็นคู่ครองทั้งสองคน ต่อมาสองพี่น้องได้จัดเถ้าแก่ไปสู่ขอ พ่อแม่ฝ่ายหญิงเมื่อได้ฟังคุณสมบัติ
ของฝ่ายชายก็ไม่รังเกียจ และเห็นว่าลูกสาวของตนอายุสมควรที่จะมีคู่ครองได้แล้วจึงตอบตกลง “เมื่อ
มาสู่ขอลูกสาวของฉันไปตกไปแต่งทั้งที ก็ขอให้สมกับหน้าตา ฐานะหน่อยหนึ่งจะได้ไหม” พ่อขอฝ่าย
หญิงกล่าวกับเถ้าแก่ ฝ่ายหญิงต้องการให้จัดขบวนขันหมากลงเรือสำเภาให้ใหญ่โต จะได้เป็นที่เชิด
หน้าชูตาของชาวบ้านแถวนี้
ครั้นถึงวันกำหนดนัด ฝ่ายชายก็จัดเครื่องขันหมากและเครื่องใช้ในการแต่งงานลงเรือสำเภา มีมโหรี
ปี่พาทย์ครบครัน เมื่อได้ฤกษ์ขบวนขันหมากพร้อมทั้งเจ้าบ่าวทั้งสอง ก็เริ่มเคลื่อนที่จากคลอง
สองพี่น้องออกไปทางแม่น้ำสุพรรณขึ้นไปทางเหนือมุ่งหน้าไปบ้านเจ้าสาว ขณะที่เรื่อแล่นไป นักดนตรี
ก็เล่นดนตรีดังไปตลอดทาง จนถึงตำบลหนึ่ง เมื่อนักดนตรีเปลี่ยนเพลงมาเล่นซอ ชาวบ้านจึงเรียกที่
แห่งนี้ว่า “บางซอ” เพราะนักดนตรีไปเล่นซอที่นั่น เมื่อแล่นไปอีกไม่นานเสียงดนตรีก็ยิ่งดังครึกครื้น
สนุกสนาน ผู้คนในเรือก็ร้องรำกันไม่ได้หยุดที่แห่งนี้จึงเรียกว่า “บ้านสนุก”
ปี่พาทย์ครบครัน เมื่อได้ฤกษ์ขบวนขันหมากพร้อมทั้งเจ้าบ่าวทั้งสอง ก็เริ่มเคลื่อนที่จากคลอง
สองพี่น้องออกไปทางแม่น้ำสุพรรณขึ้นไปทางเหนือมุ่งหน้าไปบ้านเจ้าสาว ขณะที่เรื่อแล่นไป นักดนตรี
ก็เล่นดนตรีดังไปตลอดทาง จนถึงตำบลหนึ่ง เมื่อนักดนตรีเปลี่ยนเพลงมาเล่นซอ ชาวบ้านจึงเรียกที่
แห่งนี้ว่า “บางซอ” เพราะนักดนตรีไปเล่นซอที่นั่น เมื่อแล่นไปอีกไม่นานเสียงดนตรีก็ยิ่งดังครึกครื้น
สนุกสนาน ผู้คนในเรือก็ร้องรำกันไม่ได้หยุดที่แห่งนี้จึงเรียกว่า “บ้านสนุก”
เมื่อเรือขบวนขันหมากเลยบ้านสีสนุกไปได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์อย่างไม่คาดคิดขึ้น คือ เรือสำเภา
ที่บรรทุกทั้งคนทั้งเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับงานแต่งานได้เกิดอุบัติเหตุอับปางล่มลง คนที่มากับขบวน
ขันหมาก และสิ่งของเครื่องใช้จมหายไปในน้ำหมด ดังนั้น ตรงที่เรือสำเภาล่มนั้นปัจจุบันจึงเรียก
ว่า “สำเภาทลาย”ส่วนเจ้าบ่าวสองพี่น้องจมน้ำตายทั้งคู่ ฝ่ายเจ้าสาวทั้งสองสมกับเป็นเจ้าสาวรอ
ขบวนขันหมากด้วยใจระทึก ต่างคนก็คิดถึงเจ้าบ่าวของตนเองว่าหน้าตาหล่อเหลาแค่ไหน แต่เมื่อมี
คนมาส่งข่าวว่าขบวนเรือขันหมากของสองพี่น้องล่มลงกลางแม่น้ำเสียแล้ว และเจ้าบ่าวของเธอก็จม
น้ำตายด้วย หญิงทั้งสองเสียใจมาก เธอร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกบ้าน
ทีหญิงทั้งสองอยู่ว่า “บ้านแม่หม้าย” ซึ่งปัจจุบันก็ขึ้นอยู่กับอำเภอบางปลาม้า จังหวัด
สุพรรณบุรี สองพี่น้อง ชื่อที่มักถูกนำไปทายปัญหาเชาวน์อยู่เสมอว่าตำบลอะไรที่มี ประชากรน้อย
ที่สุดในประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้วตำบลสองพี่น้องคือศูนย์กลางการค้า เศรษฐกิจ และความ
เจริญที่สำคัญที่สุดของอำเภอสองพี่น้องมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของที่ว่าการ
อำเภอ โรงเรียน ตลาด ธนาคาร และร้านค้าทุกประเภท เป็นตำบลที่มีความสำคัญ และเป็นศูนย์กลาง
ของความเจริญทุก ๆ ด้านของอำเภอสองพี่น้อง
ที่บรรทุกทั้งคนทั้งเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับงานแต่งานได้เกิดอุบัติเหตุอับปางล่มลง คนที่มากับขบวน
ขันหมาก และสิ่งของเครื่องใช้จมหายไปในน้ำหมด ดังนั้น ตรงที่เรือสำเภาล่มนั้นปัจจุบันจึงเรียก
ว่า “สำเภาทลาย”ส่วนเจ้าบ่าวสองพี่น้องจมน้ำตายทั้งคู่ ฝ่ายเจ้าสาวทั้งสองสมกับเป็นเจ้าสาวรอ
ขบวนขันหมากด้วยใจระทึก ต่างคนก็คิดถึงเจ้าบ่าวของตนเองว่าหน้าตาหล่อเหลาแค่ไหน แต่เมื่อมี
คนมาส่งข่าวว่าขบวนเรือขันหมากของสองพี่น้องล่มลงกลางแม่น้ำเสียแล้ว และเจ้าบ่าวของเธอก็จม
น้ำตายด้วย หญิงทั้งสองเสียใจมาก เธอร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกบ้าน
ทีหญิงทั้งสองอยู่ว่า “บ้านแม่หม้าย” ซึ่งปัจจุบันก็ขึ้นอยู่กับอำเภอบางปลาม้า จังหวัด
สุพรรณบุรี สองพี่น้อง ชื่อที่มักถูกนำไปทายปัญหาเชาวน์อยู่เสมอว่าตำบลอะไรที่มี ประชากรน้อย
ที่สุดในประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้วตำบลสองพี่น้องคือศูนย์กลางการค้า เศรษฐกิจ และความ
เจริญที่สำคัญที่สุดของอำเภอสองพี่น้องมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของที่ว่าการ
อำเภอ โรงเรียน ตลาด ธนาคาร และร้านค้าทุกประเภท เป็นตำบลที่มีความสำคัญ และเป็นศูนย์กลาง
ของความเจริญทุก ๆ ด้านของอำเภอสองพี่น้อง
ขอขอบคุณ
https://th.wikipedia.org/wiki/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น